วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ประโยชน์ทั้งนั้น


ผลไม้ในกลุ่มเบอร์รี่มีมากมาย เช่น บลูเบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ เป็นต้น สีจัดจ้านของผลไม้กลุ่มนี้ใช่ว่าจะดูเพียงน่ารัก น่ารับประทานแต่เปี่ยมไปด้วยคุณค่ามหาศาล เมื่อไม่กี่ปีมานี้มีการศึกษาวิจัย (ที่ถึงแม้ว่าจะทำในสัตว์ทดลองก็ตามเถอะ) ที่พบว่าหนูที่เป็นมะเร็งช่องปาก, หลอดอาหาร ลำไส้ใหญ่ ถ้ากินแบล็คราสป์เบอร์รี่เป็นประจำแล้วมะเร็งจะลดลงครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับหนูที่ไม่ได้กินเบอร์รี่เป็นประจำ จริงๆ แล้วเริ่มมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเบอร์รี่และมะเร็งเกือบเมื่อ 30 ปีที่แล้วหลังจากที่นักวิทยาศาสตร์พบว่า กรดผลไม้หลายชนิดที่มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ และผลไม้จำพวกเบอร์รี่มีกรดชนิดนี้อยู่มาก นอกเหนือไปจากฤทธิ์ต้านมะเร็ง เบอร์รี่ยังขึ้นชื่อว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวยงเลยทีเดียว

เบอร์รี่แต่ละชนิดก็จะมีฤทธิ์ต่างกันเล็กน้อยในด้านผลดีต่อสุขภาพ เช่น บลูเบอร์รี่จะเด่นด้านสุขภาพตา ช่วยป้องกันต้อกระจกหรือต้อหิน ป้องกันการติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะ และอาจมีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือด สตรอเบอร์รี่จะเด่นด้านบำรุงและป้องกันระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น แต่โดยรวมๆ สารต้านอนุมูลอิสระ อันหลากหลายในเบอร์รี่จะมีส่วนช่วยในการเพิ่มการทำงาน และลดการอักเสบของหลอดเลือด อันเป็นสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งโรคทางระบบประสาทและสมอง มีงานศึกษาวิจัยเบื้องต้นเกี่ยวกับสตรอเบอร์รี่ว่าผลไม้ชนิดนี้ อาจจะช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ หรือโรคที่เกี่ยวเนื่องกับความเสื่อมของระบบประสาทได้

ปลอดภัยหรือไม่ รับประทานอย่างไรดี
โดยทั่วไปแล้วการรับประทานผลไม้จำพวกนี้เป็นอาหารตามปกติมักไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพค่ะ แต่ก็มีข้อควรระวัง เช่น ถ้ารู้ว่าจะต้องผ่าตัดควรงดรับประทานบลูเบอร์รี่ 2 สัปดาห์ เพราะบลูเบอร์รี่อาจจะมีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ก่อนและหลังการผ่าตัดได้ นอกจากนี้ใบของเบอร์รี่ก็มีสรรพคุณเป็นยา เช่น ใบของเรดราสป์เบอร์รี่อาจมีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเพศหญิง ต้องระวังในกรณีที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม, มะเร็งมดลูกและรังไข่ จะเลือกรับประทาน ผลไม้สด น้ำผลไม้ ผลไม้แช่แข็งหรือตากแห้งน้ำตาลจะเยอะน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นได้ ถ้าปรุงโดยผ่านความร้อนสรรพคุณของฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระจะลดลงได้


ขอบคุณบทความจาก นิตยสารสุดสัปห์ดา

ประโยชน์จากเปลือกกล้วย


เปลือกกล้วยสารพัดประโยชน์ ใช้ทำอะไรกันบ้าง มีมาบอก...

นำมาทาผิวให้ความชุ่มชื้น ในหน้าหนาวได้ โดยใช้เปลือกด้านในนำมาทาถูผิวหนังจะชุ่มชื่น ตึงเรียบเนียน

นำมาทาถูบริเวณแมลงสัตว์กัดต่อย ลดอาการ บวม แดง คัน ได้

นำมาหมักผม ขจัดรังแค หนังศรีษะแห้งเป็นขุย ผมแห้งหยาบกระด้าง เพียงนำเปลือกมาขูดเอาเฉพาะเยื่อข้างในมาผสมกับน้ำผึ้งให้เป็นเนื้อครีมเข้มข้น หมักเส้นผมไว้ประมาณ 30 นาที แล้วสระผมตามปกติ ก็จะทำให้หนังศรีษะปราศจากรังแค เส้นผมนุ่มสวย

แก้ปวดเมื่อย โดยนำเอาเปลือกไปอังไฟ แล้วนำเอาเปลือกมาประคบบริเวณที่ปวดเมื่อย จะบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้

นำมาถูคราบเขม่าตามหน้าเตาแก๊ส ใช้เปลือกกล้วยถูบริเวณที่มีคราบเขม่า แล้วนำผ้าแห้งเช็ดอีกครั้งจะได้เตาแก๊สที่สะอาดเหมือนใหม่อยู่เสมอ

ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูได้

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แก้เครียดด้วยใบมะกรูด

ใครที่ช่วงนี้กำลังเครียด วันนี้มีวิธีคลายเครียดด้วยใบมะกรูดมาฝากกัน...
“ใบมะกรูด” เป็นสมุนไพรที่มักนำมาใช้ปรุงอาหาร มีสรรพคุณหลายอย่าง เช่น ขับลม ทำให้เลือดลมไหลเวียนดี แต่บางคนนึกว่านำมากินได้อย่างเดียว แต่ความจริงแล้วบางคนก็เอามาทำเป็นสมุนไพรแบบ “สปา” ได้เหมือนกัน
สรรพคุณอีกอย่าง คือ ถ้าเกิดรู้สึกเครียด ๆ ก็นำใบมะกรูดมาฉีก แล้วดมจะทำให้ผ่อนคลายได้เหมือนกัน เพราะใน “ใบมะกรูด” จะมีสารบางตัวทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดี

รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าใครเครียดก็ลองหาใบมะกรูดมาดม เพื่อจะช่วยคลายความเครียดได้.

เก็บกล้วยน้ำว้าให้ได้นานๆ


กล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มาก มีวิตามิน A,C มากชนิดหนึ่ง และในปัจจุบันก็ค่อนข้างราคาแพง ยิ่งคุณแม่บ้านที่มีเด็กอ่อนหรือเด็กเล็ก ๆ ก็ยิ่งจำเป็นมาก เพราะกล้วยนี้มีคุณค่าทางอาหารสูง เหมาะสำหรับใช้เลี้ยงเด็กอ่อน

ซึ่งจะช่วยให้เด็กแข็งแรงและสมบูรณ์ขึ้น คุณแม่บ้านมักจะพบปัญหาว่าเด็กยังทานไม่หมดหวี แต่กล้วยก็สุกและเละจนต้องทิ้งทุกครั้งไป

วิธีเก็บรักษา ก็มีง่าย ๆ คือ เมื่อซื้อกล้วยทั้งหวีให้จุ่มลงในน้ำเดือดสัก 3 นาที และนำขึ้นแขวนในที่ ๆ มีลมโกรก กล้วยนี้จะมีลักษณะเดิมเหมือนที่ซื้อมาจากตลาด และอยู่ได้นานถึง 20 วัน

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ไมโครเวฟ...แน่ใจหรือว่าใช้ถูกวิธี

ปัจจุบันไมโครเวฟได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ถ้าใช้ไม่เป็นก็เกิดอันตรายได้ คุณจึงควรรู้จักใช้ให้ถูกวิธี
เคล็ดลับในการใช้และดูแลเครื่องไมโครเวฟ
วางเตาไมโครเวฟให้อยู่ในระดับหน้าอกของผู้ที่จะใช้งานที่มีความสูงน้อยที่สุด
ไม่ควรตั้งเตาไมโครเวฟเหนือเตาหุงต้ม เพราะเหนือเตาหุงต้มจะมีความร้อน ไขมัน และไอน้ำ จากการประกอบอาหาร ไอเหล่านี้จะไปจับที่เตาไมโครเวฟ ทำให้เตาไมโครเวฟมีอุณหภูมิสูงอยู่เสมอ
ภาชนะใส่อาหารที่นำเข้าเครื่องต้องเหมาะสมทั้งที่เป็นแก้ว กระเบื้อง หรือพลาสติกต้องใช้แบบทนไฟ ห้ามนำกระดาษทุกชนิดเข้าเครื่อง หลีกเลี่ยงภาชนะที่มีขอบสีเงิน ขอบทอง และภาชนะที่ทำจากสเตนเลส หรือเหล็กแววแสง เช่น ช้อน มีด สำหรับภาชนะที่มีฝาปิดแน่น เช่น ขวด ไม่ควรนำมาใช้กับเตาไมโครเวฟ
เวลาคลื่นไมโครเวฟทำงานอาจทำให้คราบอาหารกระเด็นไปติดตู้ไ ควรใช้ฝาครอบอาหารพลาสติกที่ทนความร้อนครอบอาหารไว้
อาหารที่มีเปลือกแข็ง หรือมีผิวห่อหุ้ม ควรใช้ของแหลมจิ้มให้เป็นรูก่อน เพื่อป้องกันความร้อนขยายตัว ที่อาจทำให้อาหารปะทุได้
อย่าปล่อยให้เศษอาหารค้างในเครื่องนานๆ เพราะความเค็มจะทำให้เกิดปฏิกิริยากับเหล็กจนเป็นสนิม และทำให้ผนังเครื่องเป็นรูเวลาทำความสะอาดห้ามใช้ของมีคมขูด หรือขีดบริเวณผนังตู้ให้เป็นรอยเป็นอันขาด
ไม่ควรน้ำของหนักๆ วางบนเครื่อง และควรติดตั้งเครื่องให้ห่างจากฝาผนังอย่างน้อย 5 ซม. และต้องตั้งให้ห่างจากโทรทัศน์และวิทยุให้มากที่สุด
อย่าพยายามใช้น้ำหรือเครื่องดับเพลิงดับเปลวไฟที่เกิดขึ้นในเตาไมโครเวฟ ให้ปิดตู้แล้วปลดปลั๊กไฟออก ปล่อยให้ไฟดับเอง แล้วค่อยเปิดประตูเตา
การละลายอาหารแช่แข็งในเตาไมโครเวฟ ขณะที่กำลังใช้โปรแกรมทำละลายน้ำแข็งควรมีการพลิกหรือกลับอาหารเป็นครั้งคราว เพื่อไม่ให้มีจุดอับในการทำละลาย
ไม่ควรเปิดเครื่องทำงานขณะที่ประตูเตาเปิดอยู่ หรือไม่มีสิ่งใดอยู่ในเตา
ไม่ควรเก็บเตาไมโครเวฟนอกตัวอาคารหรือที่แจ้ง และไม่ควรใช้ใกล้บริเวณที่เปียกน้ำ

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วิธีเปลี่ยนสีดอกกุหลาบ


วัสดุ
- สีผสมอาหาร
- ดอกไม้สีขาว เช่น คาร์เนชั่นขาว กุหลาบขาว เดซี่ขาว
- แจกัน
- น้ำเปล่า หรือน้ำอุ่น
วิธีทำ
1. ใส่น้ำลงไปในแจกันประมาณ 1 ถ้วย (ดูจากในรูปก็ได้)
2. ใส่สีผสมอาหารลงไปในน้ำประมาณ 20 หยด (อาจลองผสมสีดูก็ได้จะได้เกิดสีใหม่ๆ)
3. ตัดก้านดอกไม้ออกเล็กน้อย แล้วนำดอกไม้มาใส่ในแจกันได้เลย
4. ทิ้งดอกไม้ไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง จะเริ่มเห็นดอกไม้มีสีที่กลีบเล็กน้อย เมื่อผ่านไปประมาณ 1 วัน จะเห็นดอกไม้เปลี่ยนเป็นสีที่เราผสมไว้
ดูเพิ่มเติม

เปลือกส้มโอ ใช้ขัดภาชนะให้เงางามเหมือนใหม่

วิธีทำ
นำมาต้มทิ้งไว้สักพัก จากนั้นก็นำด้านในของเปลือกส้มโอ มาขัดถูกภาชนะพวกอลูมิเนียม ตะหลิว ทัพพี ฯลฯ ก็จะทำให้สิ่งของเหล่านั้น เป็นเงางามเหมือนใหม่อีกครั้ง คราวหน้า อย่าทิ้งเปลือกส้มโอนะคะ เอามาทำความสะอาด ภาชนะ

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ข้าวโพดปิ้ง


วิธีทำข้าวโพดปิ้งให้อร่อย โดยให้คุณคั้นมะพร้าวแล้วเอาหัวกะทิมาผสมน้ำตาลและเกลือให้ออกรสหวานๆ เค็มๆ จากนั้นก็นำข้าวโพดลงไปชุบแล้วปิ้งให้สุก รับรองว่าอร่อยเหาะเลยล่ะค่ะ

ทำให้องุ่นกรอบ


โดยให้คุณปลิดองุ่นจากพวงเป็นลูกๆ ล้างให้สะอาดแล้วใส่ชามหรือจานปากกว้างๆ เอาน้ำแข็งป่นกลบทับให้ทั่ว ใส่เกลือลงไปมากน้อยแล้วแต่ปริมาณขององุ่น แล้วใช้ช้อนคนให้ทั่วจนสังเกตเห็นว่า องุ่นจับตัวเป็นฝ้าขาวก็รับประทานได้เลยค่ะ โดยเนื้อองุ่นจะจับตัวเป็นวุ้นอร่อยสุดๆ ไปเลยค่ะ

วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552

ระวัง ! ก่อนนำดอกไม้สด...

ทราบหรือไม่ว่าดอกไม้สีสันสวยงามที่เรานำมาประดับแจกันนั้น สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารแสนอร่อยได้ค่ะ แต่ช้าก่อน...ก่อนที่คุณจะคิดไปเด็ดอกไม้ต่าง ๆ เหล่านั้นมาทำอาหาร เรามีเคล็ดลับที่ควรจะรู้มาฝากกันค่ะ

ดอกลั่นทมขาว จะต้องเก็บเฉพาะดอกที่ร่วงหล่นจากต้นใหม่ ๆ เท่านั้น เพราะยางของมันมีพิษมาก และรับประทานได้เฉพาะกลีบเท่านั้น ส่วนกลีบเลี้ยงรับประทานไม่ได้เพราะมันขม


ดอกชบา ควรจะเก็บในตอนเย็น และควรเก็บเฉพาะชบาที่มีดอกทนค่ะ




ดอกเข็ม ใช้ทำอาหารได้เกือบทุกสียกเว้นสีขาว เพราะดอกเข็มสีขาวมีสารบางอย่างที่มีฤทธิ์คล้ายไซยาไนต์ ซึ่งเป็นอันตรายมากค่ะ

ดอกแค ให้เด็ดเกสรออกเสียก่อนเพื่อลดความขม

ดอกกุหลาบ จะมีรสฝาด ดังนั้นเมื่อนำมาประกอบอาหารต้องกลบรสฝาดด้วยมะนาวและเกลือก่อนค่ะ


ดอกสะเดา, ยอดอ่อน ควรจะนำไปลวกก่อน เพื่อลดความขมค่ะ


ดอกอัญชัน นำมาทำอาหารได้เช่นกัน แต่สีตกง่าย จึงทำให้อาหารอาจจะดูไม่น่ารับประทานค่ะ

ให้ไข่แดงอยู่ตรงกลาง


การต้มไข่ให้ไข่แดงอยู่ตรงกลาง ให้หมั่นคนไข่ขณะที่ต้ม เมื่อผ่าไข่ต้มออกมาไข่แดงก็จะอยู่ตรงกลางสวยงานน่ารับประทานค่ะ

การลวกหอยแครง


การลวกหอยแครง ให้คุณใส่น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวลงไปผสมกับน้ำแล้วตั้งไฟให้เดือด จากนั้นเทหอยลงไปประมาณ 1 นาที แล้วช้อนขึ้นมาใส่ในอ่างน้ำเย็นแช่ทิ้งไว้ 3 นาที แล้วจึงนำมาแกะเปลือก เราก็จะได้หอยแครงที่แกะง่ายและมีรสชาติหวานอร่อยค่ะ

ต้มผักเป็นหัวให้มีรสหวาน


เรื่องของการต้มผักเป็นหัวให้มีรสหวานอร่อย ผักเป็นหัวอย่างเช่น แครอท หัวไชเท้า เผือก หรือมัน เคล็ดลับในการต้มคือ ให้นำผักที่ต้องการต้มมาล้างทำความสะอาดทั้งเปลือก นำผักที่ล้างแล้วมาพักไว้ก่อน จากนั้นต้มน้ำให้เดือดแล้วจึงใส่ผักปิดฝา ให้ใช้เวลาต้มประมาณ 20 นาที (หรือขึ้นอยู่กับปริมาณและขนาดของผัก) เมื่อสุกแล้วก็ตักขึ้นมาแช่ในน้ำเย็นทันทีก็จะทำให้แกะเปลือกได้โดยง่าย ซึ่งการต้มด้วยวิธีนี้จะทำให้ผักมีรสหวานอร่อยกว่าการต้มโดยใส่น้ำผักลงไปพร้อม ๆ กันค่ะ